วันที่ 18 ก.ย. นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยในงานประชุมประจำปี 66 เรื่อง Transitioning Thailand Coping With The Future เพื่อนำเสนอผลการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ระหว่างปี 60-65 และความก้าวหน้าการขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯฉบับที่ 13 ในช่วง 1 ปีแรก
โดยไทยมีความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก กระทบกับการส่งออกไทย และต้องติดตามปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ รวมทั้งในช่วง 10 ปีข้างหน้า ปัญหาเรื่องโลกร้อน เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม ยังมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย อาชญากรรมทางไซเบอร์ และการย้ายถิ่นฐานโดยไม่สมัครใจ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นอีกได้ ไทยจะรับมือกับเรื่องพวกนี้อย่างไรคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ส่วนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 สรุปได้ว่า คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่คนไทยออมเงินน้อยลง ผู้สูงอายุที่มีงานทำยังมีสัดส่วนน้อย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้คนไทยมีการออมน้อยลง ซึ่งเป็นเรื่องระยะยาวที่สศช.ต้องส่งเสริม เพื่อรับกับสังคมผู้สูงอายุ ด้านอัตราการฆ่าตัวตายที่น่าเป็นห่วง จากเดิม 6 คนต่อประชากร 1 แสนคน ตอนนี้ 10 คนต่อประชากร 1 แสนคน จากความเครียด เศรษฐกิจ ภาวะซึมเศร้า
ด้านความเหลื่อมล้ำดีขึ้น พบว่า สถานการณ์ความยากจนปรับตัวดีขึ้น จากประชากรใต้เส้นความยากจนลดลงจาก 7.83% ในปี 60 ลดลงมาเหลือ 6.32% ในปี 64 เนื่องจากช่วงโควิด มีมาตรการช่วยเหลือด้านสวัสดิการออกมาค่อนข้างมาก ทั้งช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง สวัสดิการแห่งรัฐ เป็นต้น ดังนั้นจึงสะท้อนออกมาในแง่ของความยากจนและรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้น
สำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจไทย พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ย 1.4% แต่หากไม่นับเรื่องโควิด ยังเติบโต 2.6% ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายจีดีพีที่ 5% ขณะที่ความก้าวหน้าการขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ 13 ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้ทำทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมการแพทย์ สุขภาพ พัฒนายานยนต์ไฟฟ้า, การเพิ่มศักยภาพเอสเอ็มอี, การบริหารจัดการความเสี่ยง ลดผลกระทบภัยธรรมชาติ และการเปิดศูนย์กลางข้อมูลภาครัฐ ปรับเปลี่ยนดิจิทัลในภาครัฐคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นายดนุชา กล่าวว่า สศช. คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ 2.5-3% โดยต้องติดตามผลของมาตรการ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดค่าครองชีพ ทั้งค่าไฟฟ้า น้ำมัน และฟรีวีซ่าท่องเที่ยว ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือ เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย และตัวเศรษฐกิจจีนที่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวมากขึ้น
ส่วนกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังต้ องการให้จีดีพีขยายตัว 5% นั้น เป็นเป้าหมายของรัฐบาล ที่อยากให้การพัฒนาเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้มากที่สุด ตามศักยภาพที่มี แต่ขึ้นอยู่กับหน่วยงานทุกหน่วยที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยที่ผ่านมาในช่วง 3-4 ไตรมาส พบว่าการส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ขณะที่เรื่องแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท คาดว่าจะออกใช้ได้ในไตรมาสแรกปี 67 ส่วนเรื่องภาระหนี้ทางกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณา ด้านการขาดดุลงบประมาณปี 67 เพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาทนั้น ยืนยันว่า เป็นไปตามแผน เพื่อไปใช้ในการลงทุนเป็นหลัก ซึ่งจะต้องมาดูว่าสุดท้ายงบลงทุนที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง และคำนวณว่าจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน คาดว่างบปี 67 จะออกได้ในช่วงปลาย มี.ค.-เม.ย. 67